ภาพคมชัดสะใจ ! การตั้งค่า DPI และ PPI คือหัวใจสำคัญ

ใครที่เคยผิดหวังจากการสั่งงานพิมพ์ แล้วต้องเจอกับความไม่คมชัดต่างจากภาพที่ดูสวยงามบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ต้นเหตุของปัญหานี้อาจเกิดจากการตั้งค่าความละเอียดของภาพที่ไม่ถูกต้อง จนส่งผลต่อคุณภาพงานพิมพ์ในที่สุด

สำหรับงานพิมพ์ที่ต้องการสีสันและภาพที่คมชัดนั้น การตั้งค่า DPI และ PPI คือสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมาก แต่หลายคนอาจสงสัยว่า การตั้งค่าทั้งสองแบบจะช่วยให้ได้ภาพที่คมชัดอย่างไร วันนี้เรามีเทคนิคน่ารู้ด้านงานพิมพ์มาแนะนำกัน

DPI และ PPI คืออะไร ส่งผลต่อความละเอียดของภาพอย่างไร ?

เพราะคุณภาพงานพิมพ์เป็นเรื่องสำคัญ แต่จะทำอย่างไรให้การสั่งพรินต์ภาพขนาดใหญ่ ได้ผลลัพธ์ออกมาไม่แตกต่างจากภาพที่พรีวิวบนจอคอมพิวเตอร์ คำตอบคือ “การตั้งค่า DPI และ PPI” แล้วทั้งสองค่านี้คืออะไร มาดูกัน

DPI (Dots Per Inch)

DPI หรือ Dots Per Inch คือจำนวนจุดหมึกต่อนิ้ว ซึ่งเป็นหน่วยวัดที่ใช้ในการพิมพ์ภาพ โดย DPI จะบ่งบอกถึงความละเอียดของภาพที่ถูกพิมพ์ออกมา ซึ่งมีความสำคัญดังนี้

  • ยิ่งค่า DPI สูง ยิ่งมีจำนวนจุดหมึกต่อนิ้วมาก ส่งผลให้ภาพที่พิมพ์ออกมามีความละเอียดสูง
  • DPI มักใช้ในงานพิมพ์ต่าง ๆ เช่น การพิมพ์ภาพถ่าย โปสเตอร์ หรือเอกสารที่ต้องการคุณภาพสูง
  • ค่า DPI ที่นิยมใช้ในการพิมพ์ทั่วไปคือ 300 DPI สำหรับงานพิมพ์คุณภาพสูง

PPI (Pixels Per Inch)

PPI หรือ Pixels Per Inch คือจำนวนพิกเซลต่อนิ้ว ซึ่งเป็นหน่วยวัดความละเอียดของภาพดิจิทัล PPI มีความสำคัญดังนี้

  • PPI ใช้วัดความละเอียดของภาพบนหน้าจอดิจิทัล เช่น คอมพิวเตอร์ สมาร์ตโฟน หรือแท็บเล็ต
  • ยิ่งค่า PPI สูง ยิ่งมีจำนวนพิกเซลต่อนิ้วมาก ทำให้ภาพมีความคมชัดมากขึ้น
  • PPI มีผลต่อขนาดของไฟล์ภาพ โดยภาพที่มี PPI มาก จะยิ่งปรับความคมชัดของภาพให้มีคุณภาพสูง ส่งผลมีขนาดไฟล์ใหญ่กว่าภาพที่มี PPI น้อย

สรุปความแตกต่างและความสัมพันธ์ระหว่าง DPI และ PPI

DPIPPI
ความหมายจำนวนจุดหมึกต่อนิ้วจำนวนพิกเซลต่อนิ้ว
การใช้งานสำหรับงานพิมพ์สำหรับการแสดงผลบนหน้าจอดิจิทัล
ผลต่อคุณภาพของภาพส่งผลต่อความละเอียดของภาพที่พิมพ์ออกมาส่งผลต่อความคมชัดของภาพบนหน้าจอดิจิทัล
ค่าที่นิยมใช้300 DPI สำหรับงานพิมพ์คุณภาพสูงขึ้นอยู่กับความละเอียดของหน้าจอ (เช่น 72 PPI, 300 PPI)
การแปลงค่าเมื่อต้องการพิมพ์ภาพดิจิทัล จำเป็นต้องแปลงค่า PPI เป็น DPIโดยทั่วไป ค่า PPI 300 จะให้ผลลัพธ์เทียบเท่ากับการพิมพ์ที่ 300 DPI

ทำไม DPI ถึงสำคัญกับงานพิมพ์ ?

สำหรับผู้ที่สนใจสั่งผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ทุกรูปแบบ การตั้งค่า DPI ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการกำหนดคุณภาพของผลลัพธ์ที่ได้ โดยสามารถสรุปได้ดังนี้

ความคมชัด: DPI ที่สูงจะช่วยปรับความคมชัดของภาพพิมพ์ ทำให้ได้ภาพที่มีความละเอียด ไม่แตกเป็นพิกเซล เนื่องจากมีจำนวนจุดหมึกต่อนิ้วมากขึ้น ทำให้สามารถแสดงรายละเอียดของภาพได้ละเอียดยิ่งขึ้น

ขนาดภาพ: เมื่อต้องการพรินต์ภาพขนาดใหญ่ จำเป็นต้องใช้ DPI ที่สูงเพื่อให้ภาพยังคงคมชัด การใช้ DPI ต่ำในการพรินต์ภาพขนาดใหญ่อาจทำให้ภาพดูเบลอหรือแตกได้

ชนิดของงานพิมพ์: งานพิมพ์แต่ละประเภทต้องการค่า DPI ที่แตกต่างกัน เช่น

  • งานพิมพ์โปสเตอร์อาจต้องการ DPI ที่สูงกว่างานพิมพ์เอกสารทั่วไป เนื่องจากมักถูกมองจากระยะใกล้
  • งานพิมพ์ภาพถ่ายคุณภาพสูงอาจต้องการ DPI 300 หรือมากกว่า
  • งานพิมพ์เอกสารทั่วไปอาจใช้ DPI ที่ต่ำกว่า เช่น 150-300 DPI

เคล็ดลับในการเตรียมไฟล์งานพิมพ์

การเตรียมไฟล์สำหรับงานพิมพ์ที่ถูกต้อง จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ของชิ้นงานที่มีคุณภาพ ซึ่งในที่นี้ไม่ได้หมายถึงแค่การตั้งค่าความละเอียดเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีองค์ประกอบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอีกมากมาย โดยมีเคล็ดลับสำคัญ ดังนี้

1. วิธีกำหนดค่าความละเอียด

  • ควรเลือกรูปภาพที่มี DPI ตั้งแต่ 300 DPI ขึ้นไป เพื่อให้ได้ภาพพิมพ์ที่มีคุณภาพสูง
  • สำหรับงานพิมพ์ขนาดใหญ่ เช่น ป้ายโฆษณา อาจต้องใช้ความละเอียดที่สูงขึ้นกว่าค่ามาตรฐานทั่วไป เช่น 450-600 DPI เป็นต้น

2. เผื่อพื้นที่ตัดขอบรอบภาพเสมอ

  • ควรเผื่อพื้นที่รอบภาพ (Bleed) ประมาณ 3-5 มิลลิเมตรเอาไว้เสมอ
  • การเผื่อพื้นที่เอาไว้ จะช่วยป้องกันการตัดขอบภาพเมื่อนำไปพิมพ์และตัดขนาด

3. ตรวจสอบระบบสี ต้องตั้งค่าเป็น CMYK เสมอ

  • ปรับโหมดสีของภาพให้เป็น CMYK ทุกครั้งก่อนส่งพิมพ์
  • CMYK เป็นระบบสีที่ใช้ในการพิมพ์ ซึ่งจะให้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกับสีจริงมากที่สุดเมื่อพิมพ์ออกมา
  • หลีกเลี่ยงการใช้โหมดสี RGB ซึ่งเป็นโหมดสีสำหรับการแสดงผลบนหน้าจอ เพราะอาจทำให้สีที่พิมพ์ออกมาคลาดเคลื่อน

พรินต์ภาพขนาดใหญ่ให้คมชัดอย่างที่ต้องการ ขอแนะนำ “นายทำถูก” โรงพิมพ์ด่วนที่มีอัตราค่าบริการราคาถูก พร้อมสั่งพิมพ์งานออนไลน์ได้ทุกประเภท การันตีความรวดเร็ว ทันใจ สามารถขอคำปรึกษาเพิ่มเติมด้านการออกแบบและการใช้สีจากทีมงานมืออาชีพของเรา เพียงติดต่อที่ Line : @naitamtookprint3 หรือ โทรด่วน 02-538-9963

แหล่งอ้างอิง

  1. What is the difference between Dots Per Inch (DPI) and Pixels Per Inch (PPI)?. สืบค้นเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2567
    https://www.sony.com/electronics/support/articles/00027623
  2. PPI vs. DPI: what’s the difference?. สืบค้นเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2567 https://99designs.com/blog/tips/ppi-vs-dpi-whats-the-difference/